การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเสริมวิตามินดีและแคลเซียมในอาหารไก่ไข่ระยะปลดไข่ต่อสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพไข่ โดยใช้แผนการทดลองแบบสุ่มตลอด แบ่งไก่ไข่ลูกผสมทางการค้าพันธุ์โรมันบราวน์ อายุ 85 สัปดาห์จำนวน 96 ตัว เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ซ้ำ ซ้ำละ 8 ตัว ให้อาหารทดลองดังนี้ กลุ่มที่ 1 ให้อาหารปกติ กลุ่มที่ 2 อาหารปกติเสริมวิตามินดี 3000 IU ต่ออาหาร 1กิโลกรัม และ กลุ่มที่ 3 อาหารปกติเสริมเปลือกหอย 1.5 เปอร์เซ็นต์ ระยะการทดลอง 12 สัปดาห์ เก็บข้อมูลเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 4 สัปดาห์ พบว่า น้ำหนักไข่ ปริมาณอาหารที่กิน ประสิทธิภาพการใช้อาหาร อัตราการเลี้ยงรอด มวลไข่ ฮอกยูนิต ความถ่วงจำเพาะ เปอร์เซ็นต์เปลือกไข่ เปอร์เซ็นต์ไข่ขาว เปอร์เซ็นต์ไข่แดง ไข่ขนาดใหญ่ ไข่ขนาดกลางในแต่ละช่วงอายุและตลอดการทดลอง ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ (P>0.05)การทดลองในช่วงอายุ 85-88 สัปดาห์ พบว่า อัตราการไข่ สีไข่แดง ไข่ขนาดใหญ่พิเศษ และไข่ขนาดเล็กแตกต่างกันทางสถิติ(P<0.05) ความหนาเปลือกไข่(P=0.09)และความถ่วงจำเพาะ(P=0.10)ในกลุ่มที่เสริมวิตามินดีและกลุ่มที่เสริมแคลเซียมมีแนวโน้มดีกว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารปกติ ช่วงอายุที่ 89-92 สัปดาห์ พบว่า สีไข่แดงและดัชนีไข่แดง มีความแตกต่างทางสถิติ (P<0.05) และช่วงอายุ 93-96 สัปดาห์ พบว่า สีไข่แดงแตกต่างกันทางสถิติ(P<0.05)ผลการทดลองตลอดอายุการเลี้ยง(85-96สัปดาห์) พบว่า สีไข่แดง มีความแตกต่างทางสถิติ (P<0.05) โดยกลุ่มที่เสริมวิตามินดีและแคลเซียมมีสีไข่แดงเข้มกว่ากลุ่มที่ให้อาหารปกติ และกลุ่มที่เสริมแคลเซียมมีแนวโน้มจะมีดัชนีไข่แดงมากกว่ากลุ่มอื่นๆและกลุ่มที่เสริมวิตามินดีมีแนวโน้มจะมีไข่ขนาดใหญ่พิเศษมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ดังนั้นสามารถเสริมวิตามินดี และแคลเซียมในระดับที่ทดลองในอาหารไก่ระยะปลดไข่ได้โดยไม่มีผลเสียต่อสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพไข่และมีแนวโน้มจะช่วยปรับปรุงคุณภาพเปลือกไข่ จำเนียร ยศราช. 2548. การปรับปรุงพันธุ์สัตว์ปีก. ภาควิชาเทคโนโลยีทางสัตว์ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้เชียงใหม่. จ.เชียงใหม่ ไชยา อุ้ยสูงเนิน. 2532. การเลี้ยงไก่ไข่. พิมพ์ครั้ง ที่ 4. สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่แห่ง. นงเยาว์ จันทราช . 2546. อาหารและการให้อาหารสัตว์. มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์. นครสวรรค์. พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ . 2538. หลักการอาหารสัตว์ เล่ม 2. หลักโภชนศาสตร์และการประยุกต์. : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์. กรุงเทพฯ พันทิพา พงษ์เพียจันทร์. 2539. หลักการอาหารสัตว์ เล่ม 2. : หลักโภชนาศาสตร์และการประยุกต์. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, กรุงเทพฯ. ประภากร ธาราฉาย. 2560. การผลิตสัตว์ปีก. คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้เชียงใหม่. เชียงใหม่ หทัยรัตน์ พลายมาศ, สุวรรณา กิจภากรณ์ ,และปัญพัสตร์ อิทธิธนาวงษ์. 2558. การผลิตสัตว์ ภาควิชาสัตวบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เสฐียรพงษ์ มูลสถาน1, ณรกมล เลาห์รอดพันธ์2, วันดี ทาตระกูล1,3และ ทศพร อินเจริญ1,3 2562. การผลิตไข่ และความแข็งของเปลือกไข่ในเป็ดไข่ที่ได้รับอาหารเสริมส่วนผสมของไบโอแคลเซียมและวิตามินดี,วารสารแก่นเกษตร 47(2):148-152. เสาวนิต คูประเสริฐ. 2538. การประเมินคุณค่าทางโภชนาการของวัตถุดิบอาหารสัตว์. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน. จังหวัดนครปฐม. สมชาย ศรีพูล. 2549. หลักการเลี้ยงสัตว์. สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ ภาควิชาเทคโนโลยีการ เกษตรคณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์. จังหวัดนครสวรรค์ สุวรรณ เกษตรสุวรรณ. 2529. ไข่และเนื้อไก่. คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สุวรรณ เกษตรสุวรรณ, ประทีป ราชแพทยาคม, กระจ่าง วิสุทธารมณ์, บุญธง ศิริพาณิช, วรรณดา สุจริต, และสุภาพร อิริโยดม. 2535. การเลี้ยงไก่: ฉบับปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2535: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 2553. อุทัย คันโธ. 2529. อาหารและการผลิตอาหารเลี้ยงสุกรและสัตว์ปีก. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยา เขตกำแพงแสน. จังหวัดนครปฐม. อาวุธ ตันโช. 2540 การผลิตสัตว์ปีก. ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกะบัง.กรุงเทพมหานคร Bar A, Vax E and Striem S 1992. Relationships between calbindin (Mr 28,000) and calcium transport by the eggshell gland. Comp Biochem Physiol B. 101: 845–848 Card, L.E. and M.C. Nesheim. 1972. Poultry Production. 11th ed., Philadelphia.Lea & Febiger. USA. Guinotte, F., Y. Nys and F. de. Monredon. 1991. The effects of particle size and origin of calcium carbonate on performance and ossification characteristics in broiler chicks. Poultry Sci. 70 : 1908-1920. McDowell, L.R. 1992. Minerals in Animal and Human Nutrition. Academic Press, Inc. USA. Patrick, H. and P.J. Schaible. 1980. Poultry : Feeds and Nutrition. Connecticut : Avi Publishing Co., Inc. USA. Roland, D.A., Sr. 1981. Calcium requirement of leghorn hens. Feedstuffs 53: 26-27. Shafey, T.M. 1993. Calcium tolerance of growing chicken : effect of ratio of dietary calcium to available phosphorus. World’s. Poultry Sci. 45 : 5-18. Yannakopoulos A and Morris T 1979. Effect of light, vitamin D and dietary phosphorus on egg-shell quality late in the pullet laying year. Br Poult Sci. 20:337–342 Mattila, P, J Valaja, L Rossow, E Vanalainen and T Tupasela 2004. Effect of vitamin D2 and D3 enriched diets on egg vitamin D content, production, and bird condition during an entire production period. Poutl Sci. 83: 433-440. Leeson, S. and Summers J.D. 2001. Nutrition of the chicken. 4th ed. Guelph:University Books. p. 179-320. Chen, T.F. 2000. Effects of vitamin D3 supplementation on laying performance and eggshell quality of laying Tsaiya ducks. Asian-australas. J. Anim. Sci. 13:131-133. Bölükbasi, S.C., S. Çelebi, and N. Utlu. 2005. The effects of calcium and vitamin D3 in diet on plasma calcium and phosphorus, eggshell calcium and phosphorus levels of laying hens in late laying production period. Int. J. Poult. Sci. 4:600-603. Chen, T.F. 2000. Effects of vitamin D3 supplementation on laying performance and eggshell quality of laying Tsaiya ducks. Asian-australas. J. Anim. Sci. 13:131-133. Association of American Feed Control Officials. 2005. AAFCO Official publication. Atlanta, GA, pp 307-308. Marusich, W.L. and J.C. Bauernfeind. 1970. Oxycarotenoids in poultry pigmentation two broiler studies. Poult. Sci. 49: 1566-1579. Marusich, W.L., E.D. Ritter and J.C. Baueernfeind. 1960. Evaluation of carotenoid pigments for coloring egg yolk. Poult. Sci. 39: 1338-1345. Orr, H.L. and D.B. Murray. 1977. Eggs and egg products. 5th ed. Canada Department of Agriculture, Ontario Canada. 59 p.Pal, P. and S. Bose. 2011. Phytopharmacological and phytochemical review of Butea monosperma. J. Pharm. Biomed.Sci. 2(3): 1374-1388. |